วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การประเมินการอาจารย์ผู้สอนวิชานี้

การประเมินการอาจารย์ผู้สอนวิชานี้
1.ความรู้ที่ได้จากการเรียนวิชานี้
-ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการศึกษาของไทยในอดีตในปัจจุบันและในอดีต  ว่าการศึกษาไทยมีการพัฒนา ความเป็นมาอย่างไร 
-ได้เรียนรู้ความคิดของบุคคลที่ประสบผลสำเร็จในชีวิตว่าเขาเหล่านั้น มีวิธีการดำรงชีวิตหรือมีแนวความคิดอย่างไรในการดำรงชีวิต
-ได้เรียนรู้ การจัดการเรียนการสอนและการพัฒนาการด้านการศึกษาของประเทศในอาเซียน
-ได้สัมภาษณ์ครูในดวงใจและนำวิธีการของท่านมาปรับใช้ในชีวิต
-ได้เรียนรู้พระราชบัญญัติการศึกษา
2.การนำเทคโนโลยีบล็อกมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนนักศึกษาเห็นว่ามีข้อดีและข้อเสียอย่างไร
ข้อดี
ข้อเสีย
1.จัดเก็บข้อมูลได้โดยข้อมูลไม่สูญหาย
2.ไม่ต้องใช้กระดาษบันทึกข้อมูล เพราะกระดาษอาจสูญหายหรือฉีกขาดได้
3.ทำให้สนใจเทคโนโลยีมากขึ้น
4. ได้เผยแพร่ข้อมูลของตัวเอง
1. ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
2. ต้องเชื่อมต่อเครือข่าย Network
3. เพื่อนอาจลอกข้อมูลได้

3.บอกความรู้สึกต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เว็บบล็อก
ตอนแรกข้าพเจ้าคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าเบื่อมาก  แต่เมื่อได้ดูวีดีโอ หรือศึกษาใบงานด้วยตนเอง ทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ  คิดเป็นด้วยตัวเองมากขึ้น  รู้มุมมองอื่นๆมากขึ้น ออกจากกะลาครอบในตอนนี้
4.ถ้าประเมินอาจารย์ผู้สอนวิชานี้ เกรด A, B, C จะให้ระดับใด เหตุผล
ให้ A เพราะ อาจารย์มุ่งหาสื่อการเรียนการสอนที่หลากหลาย  และสอนนักศึกษาให้คิดเองเป็น ไม่ให้ลอกคนอื่น  จะถูกหรือผิดไม่ใช่ประเด็น ขอให้ศึกษาด้วยตนเองแล้วเกิดองค์ความรู้ด้วยความคิดของตนเอง


วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ครูในดวงใจ



ประวัติส่วนตัว

ชื่อ-สกุล :  นางส่อฝิหย๊ะ     พิทักษ์คุมพล
ที่อยู่ :  152   ม. 7   ต. หน้าสตน   อ. หัวไทร   จ.  นครศรีธรรมราช  80170
อายุ :   35   ปี     สถานภาพ   :  สมรส    บุตร: 3 คน
ประวัติการศึกษา :  ม.6   โรงเรียนมุสลิมสันติธรรมมูลนิธิ
      ปริญญาตรี  ครุศาสตรบัณฑิต  สาขาการศึกษาปฐมวัย
สถานที่ทำงาน : โรงเรียนบำรุงวิทยา    อ. หัวไทร   จ.  นครศรีธรรมราช  80170
ประสบการณ์การสอน : 16 ปี
ความภาคภูมิใจ : ได้รับรางวัล หนึ่งแสนครูดี ประจำปี 2557 จากคุรุสภา
ปรัชญาการใช้ชีวิต : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

บทสัมภาษณ์

1.จุดประกายความฝันของการเป็นครู คืออะไร ?
- จุดประกายความฝันของการเป็นครู คือ อยากเห็นเด็กๆมีความรู้ ก้าวข้ามจากความไม่รู้ และสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข

2.ถ้าไม่ได้เรียนครูในตอนนั้นอาชีพที่อยากทำคืออะไร ?
- หากไม่ได้เรียนครูในตอนนั้นอาชีพที่ใฝ่ฝัน ณ ตอนนั้น คือ อยากมีร้านกาแฟและเบเกอรี่เล็กๆ มีมุมหนังสือให้ลูกค้าได้เข้ามาอ่าน นอกจากกาแฟและเบเกอรี่แล้ว ลูกค้ายังได้ความรู้และได้ผ่อนคลายจากการอ่านหนังสือประเภทต่างๆอีกด้วย

3. เพราะอะไรจึงอยากเป็นครูปฐมวัย ?
-คิดว่าการได้สอนตั้งแต่วัยเริ่มต้นของชีวิตเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถ อีกทั้งยังฝึกให้เราอดทนต่อสิ่งต่างๆ โดยเฉพาเด็กตัวเล็กๆ ที่เขายังไม่ประสีประสา บางคนทำอะไรไม่ได้ ช่วยเหลือตัวเองเล็กๆน้อยๆ ไม่ได้ ครูปฐมวัยนี่แหละที่ต้องคอยฝึกหัดให้เขาได้ทำ ได้รียนรู้ ถึงแ้ว่าครูปฐมวัยจะเป็นคนแรกที่เด็กคนนั้นจะนึกถึงมื่อขาเติบโตแต่เราก็รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นครูคนแรกของเขา

4. ทำไมจึงเลือกที่จะเป็นครูเอกชน ในเมื่อมีทางเลือกต่างๆอีกมากมาย ?
-การเป็นครูไม่จำเป็นว่าเราจะต้องคาดหวังว่าจะเป็นครูรัฐบาลเสมอไปเพราะบทบาทและหน้าที่ของครู ไม่ว่าจะเป็นครูรัฐบาลหรือครูเอกชน ย่อมมีบทบาทหน้าที่เหมือนกัน ขอแค่เราทำหน้าที่ความเป็นครูของราให้ดีที่สุด และไม่ว่าจะเป็นครูรัฐบาลหรือครูเอกชน เราก็มีความสุขกับการเป็นครูของเรา

5. ประสบการณ์ การสอนครั้งแรกเป็นอย่างไรบ้าง ?
- รู้สึกตื่นเต้นและกังวลว่าเราจะทำได้หรือไม่ แต่เมื่อได้เจอกับเด็กๆจริงๆความรู้สึกเหล่านั้นก็หายไป  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราได้วางแผนการสอนมาอย่างดีแล้วก็ไม่ต้องกังวลใดๆ เพียงแต่ต้องรู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในการสอนก็เท่านั้น

6. ท่านมีความคิดอย่างไร ที่เลือกมาสอน ศาสนาฟัรดูอีนย์ เสาร์-อาทิตย์ ควบคู่กับสอนสามัญ จันทร์-ศุกร์ ?
-เพราะความรู้หากเรารู้แต่ไม่ได้นำมาถ่ายทอดเก็บไว้กับตัวเอง มันก็คงไม่ต่างไปจากมีดที่ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ เก็บเอาไว้แต่ในตู้ไม่ได้นำมาลับ  สักวันหนึ่งมีดหล่านั้นก็จะหั่นอะไรไม่ได้ ตัดสิ่งใดก็ไม่ขาด ฉันใดก็ฉันนั้น  ความรู้ของเราก็เหมือนกัน หากไม่นำมาใช้ ไม่นำมาสอนคนมันก็จะเป็นความรู้ที่ไม่มีปรโยชน์อันใดเลย  และยิ่งเราได้สอนคนมันก็เท่ากับทำให้ความรู้ไม่ตายไปจากเรา ซ้ำยังได้ต่อยอดความรู้ใหม่เข้ามาด้วย  ดังนั้นการสอนศาสนาฟัรดูอีนย์ เสาร์-อาทิตย์  ครูจึงต้องสอนมันมาเรื่อยๆ ที่สำคัญกว่านั้นคือ ต้องการเห็นเด็กๆในหมู่บ้านมีความรู้เรื่องศาสนาด้วย

7. ท่านเหนื่อยหรือไม่ที่จะต้องทำงานถึง 7 วัน ไม่มีวันหยุดเหมือนคนอื่น ?
-หากถามว่าเหนื่อยไหม เราก็แค่ปุถุชนคนธรรมดา ก็ต้องตอบว่าเหนื่อย แต่ในคำว่าเหนื่อยนั้น เมื่อเราได้ทำในสิ่งที่เรารักแล้ว ต่อให้เหนื่อยเราก็มีความสุข เพราะมันเป็นสิ่งที่เรารัก เราก็ทำได้ทุกอย่าง

8. ท่านมีวิธีการพัฒนาการสอนอย่างไรให้ทันยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ?
-  1) ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวทางการศึกษา
  2) สอบถามจากผู้รู้
  3) เข้าร่วมอบรมสัมนาจากหน่วยงานต่างๆ
  4) เปิดใจรับการเปลี่ยนแปลง และกล้าที่จะก้าวออกจากจุดเดิมที่เราเคยทำเพื่อให้ทันต่อยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

9. ท่านมีความเห็นอย่างไร กับประโยคที่ว่า "ครูบางคนสอนได้แต่สอนไม่เป็น" ?
-การที่ครูบางคนสอนได้แต่สอนไม่เป็น เป็นเพราะครูเหล่านั้นขาดทักษะและการพัฒนาอย่างเป็นกระบวนการ ที่สำคัญคือ ไม่ยอมก้าวจากจุดเดิมที่ตนเคยทำ คิดว่าสิ่งที่ตนทำอยู่นั้นถูกต้องแล้ว  ดีแล้ว ก็เลยไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบวิธีการสอน  ที่สำคัญคือไม่ปรับวิธีคิดของตน เราจึงเห็นว่าผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กไทย ด้อยกว่าหลายๆประเทศในอาเซียน

10. ท่านมีวิธีการอย่างไรบ้าง เพื่อดึงดูดให้นักเรียนสนใจการเรียนและการอ่าน ?
- 1) มีแผนการสอนแบบ PDCA
  2) จัดรูปแบบการสอนที่หลากหลาย
  3) มีสื่อการสอนที่ตรงกับหน่วยการสอนและทันต่อยุคสมัย
  4) ครูต้องรู้จักเร้าความสนใจของผู้เรียนและเป็นแบบอย่างให้กับผู้เรียนในทุกๆด้าน ดังคำกล่าวที่ว่า "ทำให้ดู ย่อมดีกว่าสอนให้ทำ"

11. สุดท้ายขอให้ท่านฝากอะไรเล็กๆน้อยๆ ให้แก่นักศึกษา วิชาชีพครู ?
-อยากให้ทุกคนมีความภาคภูมิใจที่เลือกรียนครูและเป็นครู อย่าคิดว่าเพราะฉันสอบอะไรไม่ได้ ไม่มีงานให้ฉันทำ ฉันเป็นครูดีกว่า ถ้าคิดอย่างนั้นถือว่าคุณคิดผิด เพราะคุณจะไม่มีความสุขกับการรียนและการทำงานของคุณเลย ขอให้ตระหนักอยู่เสมอว่า การทำหน้าที่ให้คนคนหนึ่งพ้นจากความไม่รู้นั้นคือภาระหน้าที่อันสำคัญของครูและนอกเหนือจากงานสอนแล้ว ภาระงานของครูก็หลากหลาย เช่น งานประจำชั้น งานประจำวัน งานฝ่าย และอื่นๆหากเราไม่รักที่จะไม่เป็นครูแล้ว เราก็จะไม่มีความสุขกับมัน ผลที่ได้คืองานที่ออกมาก็จะไม่มีปรสิทธิภาพ ขาดประสิทธิผล




วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558

แบบทดสอบกลางภาคเรียน

 1.  แนวคิดทางการศึกษาของไทยยุคก่อนมีระบบโรงเรียน มีสาระสำคัญ อะไรบ้าง
ตอบ มีวัดเป็นแหล่งให้ความรู้ มีพระภิกษุเป็นผู้สอนเพียงเพื่อประกอบอาชีพ วิชาความรู้ส่วนใหญ่ที่ถ่ายทอดไม่มีการจดบันทึกไว้ ใช้ความสามารถในการท่องจำมากกว่า ส่วนใหญ่จะเรียนเกี่ยวกับการใช้ชีวิตเช่น ผู้หญิงเรียนความเป็นกุลสตรี เย็บปักถักร้อย ส่วนผู้ชายจะเรียนเกี่ยวกับการใช้ดาบหรืออาวุธเพื่อฝึกในการเป็นทหาร

 2.  สมัยกรุงสุโขทัยกับกรุงศรีอยุธยา การจัดการศึกษาเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร อธิบาย
ตอบ  การจัดการศึกษาในสมัยสุโขทัย มีการกำเนิดอักษรไทยเป็นครั้งแรกโดยพ่อขุนรามคำแหง สถานที่เรียนมี3 แห่งคือ วัด สำนักปราชญ์ราชบัณฑิต และราชสำนัก โดยแบ่งการศึกษาเป็น 4 องค์ จริยศึกษา พลศึกษา พุทธิศึกษาและหัตถศึกษา ส่วนการจัดการศึกษาใน สมัยอยุทธยามี 4 จัตุสดมภ์ คือ เวียง วัง คลัง นา เป็นระบบศักดินา การเรียนการสอนจะทำที่วัด และบ้าน โดยมีหน้าที่อบรมนักเรียน อีกทั้งในสมัยนี้มีการติดต่อกับฝรั่งชาติตะวันตก ที่มาค้าขายและเผยแพร่ศาสนา มีการจัดตั้งโรงเรียนสอนศาสนาคริสต์ มีการประดิษฐ์ตัวพิมพ์อักษรไทย มีการเรียนวิชาการแบบยุโป มีการแต่งแบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่อ จินดามณี จะเห็นว่าในสมัยอยุทธยาการจัดการศึกษามีการพัฒนาและก้าวหน้ากว่าสมัยสุโขทัย

 3.  อิทธิพลชาวตะวันตกที่มีผลต่อการศึกษายุคก่อนมีระบบโรงเรียนมีอะไรบ้าง
ตอบ ประเทศตะวันตกเข้ามาติดต่อค้าขายกับชาติไทย เป็นผลให้มีการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ สอนวิธีการรบแบบตะวันตก สอนการต่อเรือ สอนการทำตำหรับยา ก่อตั้งโรงเรียนสอนศาสนาคริสต์  ประดิษฐ์ตัวพิมพ์อักษรไทยขึ้นเป็นครั้งแรก ทำให้มีการเรียนการสอนวิชาแบบยุโรป เช่น ภาษาฝรั่งเศส ดาราศาสตร์  ต่อเรือ การก่อสร้าง มากขึ้นไปด้วย

 4.  การจัดการศึกษาสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีความก้าวหน้าอย่างไร
ตอบ  มีชาติตะวันตกเข้ามามากขึ้น ประเทศเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ตกเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตก ดั้งนั้นจึงมีการเร่งพัฒนาการศึกษาให้เรียนรู้วัฒนธรรมตะวันตก มีการสอนภาษาอังกฤษจากหมอสอนศาสนา มีการประดิษฐ์ทำตัวอักษรไทยได้สำเร็จ ตั้งโรงพิมพ์แห่งแรกและมีการพิมพ์ตำราเรียนอย่างมากมาย

 5. แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่อ เกิดในสมัยใด ตรงกบรัชกาลใด มีที่มาอย่างไร 
ตอบ จินดามณี เกิดในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช(พ.ศ. 2199- พ.ศ. 2231) เนื่องจากพระองค์เกรงว่าคนไทยจะหันไปเข้ารีตและนิยมฝรั่งกันหมด เนื่องจากในสมัยนั้นมีชาวตะวันตกเริ่มเข้ามาติดต่อต่อค้าขายและนำวิชาการด้านยุโรปเข้ามาเผยแพร่ หนังสือเล่มนี้ใช้เริ่มอ่านจนกระทั่งหัดเรียนรู้วรรณคดีและอักษรศาสตร์ไทยชั้นสูง

 6. การจัดการศึกษาภาคบังคับ มีลักษณะเป็นอย่างไร จงอธิบาย ยกเหตุผล
ตอบ การจัดการศึกษาภาคบังคับ เป็นการบังคับเด็กทีมีอายุ7 ปีบริบูรณ์ เข้าเรียนทุกคนจนกระทั่งอายุครบ 14 ปีหรือจนจบหลักสูตรประถมศึกษา ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรับผิดชอบชั่วดี นำวิชาไปประกอบอาชีพและการเป็นพลเมืองดี ในปัจจุบันการศึกษาภาคบังคับตั้งแต่ประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3

 7. การจัดการศึกษาที่เรียกวา มาติกาศึกษาเป็นอย่างไร จงอธิบาย ยกเหตุผล
ตอบ เป็นการจัดการศึกษาในสมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น มาติกาการศึกษามี 8 มาติกา คือ
1. ตำบลที่เล่าเรียนคือที่ตั้งวัด >หมายถึงในแต่ละตำบลมี วัดเป็นศูนย์การศึกษา
2. โรงเรียนคือ ที่เรียนในวัด เช่นหอฉัน หอสวดมนต์
3. นักเรียนและครูมี 3 ประเภท คือ ภิกษุ สามเณร และศิษย์วัด
4. เวลาเรียนคือ ตอนพระว่าง
5. เครื่องเล่าเรียนคือ กระดานฉนวน ดินสอ กระดาษข่ายและปากกาไม้ไผ่เป็นต้น
6. วิชาหนังสือ คือ หนังสือเรียนและหนังสืออ่านประกอบ 
7.  วิชาเลข คือ เลขคณิตวิธีต่างๆ
8. ข้อบังคับการเรียนคือ ระเบียบวินัย การลงโทษและการชมเชย

 8. การจัดการศึกษาที่มุ่งคนเข้ารับราชการตรงกบสมัยใด จงอธิบาย ยกเหตุผล 
ตอบ สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี  พ.ศ.2414 ทรงจัดตั้งโรงเรียนสอนภาษาไทยที่บรมมหาราชวังเป็นโรงเรียนแห่งแรกของไทย ตั้งอยู่ในกรมมหาดเล็ก มีพระยาศรีสุนทรโวหาร เป็นอาจารย์ใหญ่ มุ่งที่จะฝึกคนเข้ารับราชการ เรียนภาษาไทย การคิดเลข และขนบธรรมเนียมราชการ

 9. การปฏิรูปการศึกษาในยุคปัจจุบันท่านเห็นด้วยหรือไม่ จงอธิบาย ยกเหตุผล
ตอบ ไม่เห็นด้วย เพราะ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการศึกษาไทยในปัจจุบันที่เห็นมายังไม่ดีเท่าที่ควร  มาตรฐานตกต่ำ   เด็กไทยยังด้อยการพัฒนาวัดได้จากผลประเมินหลายๆอย่างที่ออกมา ในเมื่อการศึกษาไม่พัฒนาไปในทางที่ดีกว่า แสดงว่าการปฏิรูปการศึกษาในยุคปัจจุบันยังไม่ดีเท่าที่ควร


 10. ท่านเข้าใจการจัดการศึกษาเข้าสู่สมาคมอาเซียน มียุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างไร

ตอบ ปลูกฝังให้เด็กเข้าใจเกี่ยวกับอาเซียนมากยิ่งขึ้น. มีการเพิ่มระดับการสอนภาษาอังกฤษและภาษาอาเซียนในชั้นเรียน มีการเพิ่มวิขาอาเซียนศึกษาในหมวดสังคมศึกษา

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

วีดีโอการศึกษา



1. แนวคิดดีๆที่ "ไม่ตัน" กับคุณตัน อิชิตัน




"ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้มีอนาคต ขายได้กำไร"  คำพูดของคุณตัน คุณตันที่เป็นเจ้าของธุรกิจชื่อดัง ในปัจจุบัน  ในอดีตนั้นท่านเริ่มประกอบอาชีพจากการขายหนังสือพิมพ์ ซึ่งขณะนั้นได้รับตำแหน่งเป็นพนักงานในบริษัท แต่ด้วยความคิดที่ว่า เป็นเจ้านายตัวเองย่อมดีกว่า คุณตันจึงหันไปเริ่มประกอบกิจการของตัวเอง โดยเริ่มจากกิจการการขายหนังสือพิมพ์ ซึ่งตอนแรกก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ด้วยกำลังใจและการต่อสู้ คุณตันไม่ยอมแพ้และไม่สิ้นหวัง โดยการเริ่มธุรกิจใหม่ๆจนโด่งดังถึงทุกวันนี้

ข้อคิดที่ได้ อุปสรรคมีมากมายในการดำเนินชีวิต อยู่ที่บุคคลว่าจะผ่านอุปสรรคไปได้หรือไม่

2. ผมเกลียดโรงเรียนแต่รักการศึกษา


การศึกษาไม่ใช่การท่องจำข้อมูล บทเรียนหรือสูตรต่างๆในหนังสือ แต่การศึกษาคือการค้นคว้าหรือใฝ่คว้าในเรื่องที่ตนเองชอบและมีความฝันเอาไว้ การศีกษาไม่ใช่อยู่แต่ในกรอบหรือในโรงเรียน  บุคคลผู้โด่งดังและร่ำรวยของโลกหลายคน เช่น สตีฟ จอบ บิล เกตต์ล้วนแล้วแต่ลาออกจากโรงเรียน แสดงให้เห็นว่าการศึกษาไม่ใช่อยู่แต่ในกรอบที่ตีไว้แต่มันคือทุกสิ่งที่สนใจ หากคุณคิดว่าการศึกษาในโรงเรียนคือคำตอบของทุกอย่างคุณอาจคิดผิดก็เป็นได้

ข้อคิดที่ได้รับ การศึกษาเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา และทุกโอกาส ไม่จำเป็นว่าต้องศึกษาอยู่ในโรงเรียนเสมอไป แต่คือทุกๆสิ่งที่คุณต้องการ ที่จะรู้ที่จะรู้


3. ข้อคิดดีๆของ บิลล์ เกตส์


บิลล์  เกตส์ เป็นชายที่รวยที่สุดในโลกและเป็นเจ้าของซอฟแวร์ ที่โด่งดังของวงการ ไอที ซึ่งเขามีแนวคิดดีๆดังนี้
1. ทำความเคยชินกับชีวิต
2. โลกต้องการความสำเร็จที่เกิดจากความมั่นใจของคุณ
3. เริ่มต้นจากสิ่งที่เล็กๆก่อน
4. ถ้าคุณไม่ต้องการเรียนก็ลองไปทำงานแล้วคุณจะพบกับชีวิตอีกแบบ
5. การคิดเรื่องใหม่ๆไม่ใช่เรื่องผิด
6. เรียนรู้การใช้ชีวิต อย่าชอบโทษผู้อื่น
7. ฝึกความเป็นระเบียบในตัวเอง
8. มีโอกาสมากมายในการทำสิ่งที่ถูกต้อง
9. ค้นหาตัวตนของคุณอยู่ตลอดเวลา
10. ชีวิตจริงไม่ใช่ละคร
11. เป็นมิตรกับ ความเนิร์ต

ข้อคิดที่ได้รับ  ได้นำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

4. สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)







สตีฟ จอบส์ เกิดมาจากพ่อ แม่ที่ไม่พร้อมจะมีลูก เมื่อแม่ของเขาคลอดเขาออกมาก็ได้ส่งมอบเขาให้กับครอบครัวทีมารับเลี้ยงเขา เขาได้เข้าเรียนต่อที่วิทยาลัยรีด(Reed College) ในเมืองพอร์ตแลนด์ มลรัฐโอเรกอน แต่ต้องลาออกจากโรงเรียนหลังเรียนได้ 1 ภาคเรียน. หลังจากเขาออกจากวิทยาลัยเขาได้ไปเข้าคอร์สคัดตัวหนังสือ. เขากล่าวว่า

ถ้าผมไม่ได้เรียนวิชานั้นที่วิทยาลัยรีด เครื่องแมคอินทอชคงจะไม่มีรูปแบบอักษรหลากหลาย และปราศจากฟอนต์ที่มีการแบ่งระยะห่างอย่างถูกสัดส่วนเช่นนี้
 หลังจากนั้นเขาก็ออกไปตั้งบริษัท apple  เขาได้ชักชวนเพื่อนร่วมงานของเขาเข้ามาทำงาน จนวันหนึ่งเขาก็ถูกไล่ออกจากบริษัทของตัวเอง เขาก็ไม่ยอมแพ้เลยเข้าไปทำงานในบริษัทอีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งสุดท้ายก็ถูกบริษัท apple มาซื้อไปเขาก็เลยได้กลับไปทำงานร่วมกับapple. อึกครั้ง
สตีฟ จอบส์ มักใช้ชีวิตโดยที่คิดว่า หากพรุ่งนี้เราจะตายเราต้องทำอะไรให้ดีที่สุด เขาเลยเลือกแต่งงานกับภรรยาของเขาใช้ชีวิตให้เกิดความสุขที่สุด 

ข้อคิดที่ได้รับ ถึงแม้ชีวิตต้องล้มสักกี่ครั้งหากคุณสู้ก็สามารถประสบผลสำเร็จได้เช่นกัน


วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ดาวเด่นของการศึกษา

1. สัมภาษณ์ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ การเตรียมพร้อมเข้าสู่ AEC



    -ประเทศไทยควรจะได้ผลประโยชน์มากกว่าด้านลบของการเข้าสู่ AEC เพราะประเทศไทยมีตั้งยุทธศาสตร์เหมาะแก่การลงทุน และการกระจายสินค้าเป็นอย่างมาก   แต่เพราะว่า ประเทศไทยยังขาดประสิทธิภาพในการแข่งขัน  การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ยังไม่มากพอที่จะสามารพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆเป็นของตัวเอง จึงทำให้ขาดโอกาสตรงนั้น

    -คนไทยยังมีความคิดเดิมๆที่ว่าประเทศไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร  จึงทำให้คนไทยพอใจจนไม่คิดที่จะพัฒนาตนอง ต่างกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่เขาพยายามพัฒนาตนเองอยู่เสมอเพื่อให้ได้รับอิสรภาพ

  -แรงงานของไทยยังขาดอยู่อีกมาก และประสิทธิภาพของแรงงานยังน้อยอยู่เป็นสิ่งรีบเร่งที่จะต้องพัฒนา

  -ควรสร้างความตระหนักรู้กับคนไทย  ในเรื่องการคัดเลือกบุคคลเข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมือง และตำแหน่งราชการต่างๆ

  -ให้สื่อมวลชนทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด  เพราะสื่อมวลชนเปรียบเสมือนกระจกเงาของประเทศควรสะท้อนรูปร่างที่ชัดเจนที่สุด
สิ่งที่ได้นำไปใช้พัฒนาตนเอง
สร้างความตระหนักรู้ในตัวเองให้มากที่สุด  รู้รับผิดชอบหน้าที่ของตนเองและทำหน้าที่นั้นๆจนสุดความสามารถ
ข้อคิดที่ได้
การเตรียมตัวเข้า AEC ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่สามารถทำได้เพียงชั่วพริบตา แต่ต้องพัฒนากันทุกภาคส่วน ทุกองค์กร และต้องพัฒนากันในระยะยาว ซึ่งควรเริ่มจากตัวบุคคลก่อนเป็นการดี

2. ประเทศไหนๆก็เร่งพัฒนาคนประเทศไหนๆก็เร่งพัฒนาคน

ประเทศแต่ละประเทศมีการพัฒนาการศึกษาของตนเองมาตลอดเวลาและต่อเนื่อง  ถึงแม้จะมีการเข้า AEC หรือไม่ก็ตาม

ประเทศสิงคโปร์         ผู้นำประเทศของสิงคโปร์ มีความเชื่อที่ว่า ทรัพยากรที่ดีที่สุด  คือ ทรัพยากรมนุษย์ ดังนั้นรัฐบาลของสิงคโปร์จึงมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพโดยการวางรากฐานการศึกษาที่ดี ปัจจุบันประทศสิงคโปร์สามารถผลิตประชากรชั้นยอดปีละ 10000 คน ในสาขาเพทย์ พยาบาล วิศวกร นักบริหารระดับสูง และนักวิทยาศาสตร์ในสาขาต่างๆ

มาเลเซีย         ประเทศมาเลเซียใช้ภาษาอังกฤษในการศึกษาโดยมุ่งให้ผู้คนมีทักษะและความรู้ที่สูง การศึกษาและการวิจัยเป็นสิ่งที่มาเลเซียให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ ปัจจุบันประเทศมาเลเซียได้เพิ่มทักษะให้กับแรงงานให้มีความสามารถในสาขานั้นๆ

บรูไน          บรูไนเป็นประเทศที่มีทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอยู่มาก ดังนั้นการเร่งพัฒนาคุณภาพบุคลากรให้มีการศึกษาจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ประเทศบรูไนได้พัฒนาอยู่ในขณะนี้ อยู่ภายใต้แนวคิดที่ว่า ไม่มีทรัพยากรใดๆ ที่จะมีค่ากว่าทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง 
  ในปัจจุบันแต่ละประเทศนั้น ล้วนแล้วแต่พัฒนาประชากรของตนให้มีความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ ข้าพเจ้าก็เช่นกันในฐานะที่เป็นครู ข้าพเจ้าจะพัฒนาวิชาชีพของตนเองและถ่ายทอดความรู้จนสุดความสามารถ
ข้อคิดที่ได้
   ประเทศทุกประเทศล้วนแล้วแต่ถูกพัฒนาให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นไม่ว่าในเรื่องของบุคลากร เศรฐกิจหรือการศึกษา

3.ดาวเด่นด้านการศึกษาของอาเซียน

สิงคโปร์  เป็นการศึกษาแบบให้เปล่า โดยที่การศึกษาของสิงคโปร์เป็นอันดับ 3 ของโลก
แนวการสอน> ไม่เน้นวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่เน้นคุณธรรมและศิลปะ เปิดกว้างในทุกช่องทางและมีความยืดหยุ่นในด้านหลักสูตร
ตัวครูผู้สอน >  เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ  ทุ่มเทในการสอนรัฐบาลยกย่องและให้เกียรติอาชีพครู โดยให้ค่าตอบแทนครูเท่ากับหมอและวิศวกร โดยแนวคิดที่ว่าเด็กคืออนาคตของชาติ และครูคือปลุกฝังและผู้สอนเด็ก ครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้ การค้นคว้าของเด็กและเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็ก  ครูมีการแลกเปลี่ยนทักษะ ความรู้ตลอดเวลา

มาเลเซีย  ส่งเสริมให้ความเป็นมลายูโดดเด่นในด้านวัฒนธรรมและการแต่งกาย  สำหรับมาเลเซียการศึกษาไม่ใช่แต่การพัฒนาคนเท่านั้น  แต่การศึกษานั้นช่วยลดอาชญากรรม ปัญหาสิ่งแวดล้อม และสร้างสังคมที่ดี นักศึกษษในมาเลเซียส่วนใหญ่สนใจการเรียนวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปิโตรนัส ที่เป็นศูนย์กลางการศึกษา ด้านทรัพยากรน้ำมัน ซึ่งจำเป็นจะต้องมีบุคลากรจำนวนมากเข้าไปทำงานที่นั้น

บรูไน ประเทศบรูไนนับถือศาสนาอิสลามเป็นหลัก เน้นให้คนมีการศึกษาสูงและมีคุณภาพสูง มีความรู้รอบตัวดีประชากรมีคุณภาพที่ดี  การเรียนการสอนนั้นได้ปรับปรุงหลักสูตรให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้  เน้นการค้นคว้า โดยครูจะไม่บังคับเรียนตามบทเรียน

สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง 
ศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองอยู่เสมอ เพราะ จะทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ
ข้อคิดที่ได้
ปัจจุบันประเทศต่างๆ มุ่งพัฒนาการศึกษาเพื่อให้ประชากรของตนมีความคิดและความรู้ที่ดี

4.ปฏิรูปการศึกษา เพื่อพัฒนาทุนมนุษย์

เวียดนาม  พัฒนาฝีมือแรงงาน เตรียมบุคลากรโดยพัฒนาการศึกษา เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์ สอนวิชาที่สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ  ใช้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง



พม่า  มีข้อจำกัดด้านบุคลากรและงบประมาณ ขยายการศึกษาขั้นพื้นฐาน ป.1-.6 โดยเรียนฟรีจากประถมถึงมัธยม  มีการสอบเอนทรานส์ ปรับปรุงคุณภาพของครูและบุคลากร รวมถึงอาคารเรียน

กัมพูชา  จำนวนครูผู้สอนไม่เพียงพอ  ไม่มีเงินพัฒนาอาคารเรียน    ส่วนใหญ่ให้เอกชนมาลงทุน แต่ปัจจุบันรัฐบาลได้เพิ่มประสิทธิภาพให้มหาวิทยาลัยและคุณภาพอาจารย์ของอาจารย์ ปัจจุบันรัฐบาลพยายามกระจายโอกาส ให้ผู้คนศึกษากันอย่างทั่วถึง

ลาว  ประชาชนใหญ่เป็นคนในชนบท แต่การศึกษากระจ่ายอยู่ในตัวเมือง ปัจจุบันรัฐบาลพยายามขยายการศึกษาให้ทั่วถึง พัฒนาประสิทธิภาพครู
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง 
การพบอุปสรรคไม่สำคัญเท่าจะก้าวพ้นอุปสรรคนั้นได้ หรือไม่
ข้อคิดที่ได้
บางประเทศโอกาสทางการศึกษามีน้อย แต่ก็มุ่งที่จะพัฒนาการศึกษาต่อไป

5. ประเทศไทยอยู่ตรงไหนของอาเซียน

    WEF ได้จัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันประเทศต่างๆทั่วโลก เพื่อสะท้อนให้เห็นศักยภาพของประเทศต่างๆในเชิงเปรียบเทียบกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า และสังคม ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ลำดับที่ 4ในอาเซียน ประเทศไทย มีครูที่ไทยที่จบอย่างมีประสิทธิภาพ และอาชีพครูมีรายได้ไม่มากนักทำให้คนที่เรียนเก่งไปประกอบอาชะที่มีรายได้มากกว่า การศึกษาของไทยต้องปรับปรุงอย่างมากในปัจจุบัน

สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
พัฒนาตนเองในทุกๆด้านเริ่มจาก การมีวินัยในตนเอง พัฒนาทักษะต่างๆอยู่เสมอ เรียนรู้ภาษาต่างๆอย่างกว้างขวาง
    ข้อคิดที่ได้
ประเทศไทยควรพัฒนาตนเองให้มากกว่านี้ ในทุกๆด้านโดยเฉพาะด้านการศึกษา

6. สายสัมพันธ์ไทย - ลาว
    ประเทศไทยกับลาวเป็นประเทศที่มีพรมแดนติดกัน อยู่ทางภาคอีสานของไทย และมีภาษาใกล้เคียงกันประเทศไทยกับลาวเป็นเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกันทางตอนเหนือและตะวันออก โดยมีแม่น้ำเป็นเส้นทางหล่อเลี้ยงชีวิต นั้นคือ แม่น้ำโขง เป็นวิถีชีวิตของชาวพุทธในลาวซึ่งเหมือนกับประเทศไทย  ซึ่งเหมือนเป็นเพื่อนกันที่สุดไม่มีการแบ่งแยกขอบเขตกัน

สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
เรียนรู้วัฒนธรรมของลาว เมื่ออาเซียนเปิดเราสามารถเข้าใจคนลาวได้และเข้าใจอย่างดี
ข้อคิดที่ได้
เมื่อเราเป็นประเทศเพื่อนบ้านกันเราควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

7.  เยือนถิ่นอิเหนา

  ถิ่นอิเหนาคือประทศอินโดนีเซียในปัจจุบัน ภาษาที่ใช้ก็เป็นภาษาอินโด โดยเฉพาะ  ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่ครอบครองทรัพยากรธรรมชาติเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่สืบเชื้อชาติมาจากชาวมาเลย์ ประเทศอินโดนีเซียมีนโยบายในการความเจริญไปทั่วทุกพื้นที่ทั่วประเทศเป็นประเทศที่น่าสนใจในทางธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจทางด้านอาหาร อาทิ อาหารฮาลาล
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
    ในฐานะที่ข้าพจ้านับถือศาสนาอิสลาม การเปิดอาเซียนครั้งนี้ทำให้ข้าพเจ้าได้ เลือกผลิตภัณฑ์อาหารมากขึ้น
ข้อคิดที่ได้
เราควรรักษาธรรมชาติมากว่าการทำลายและควรทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม



8.เที่ยวฟิลิปปินส์

เนื่องจากประเทศฟิลิปปินส์    ฟิลิปปินส์ เป็นประเทศเกาะที่มีความโดดเด่นทางความสวยงามของธรรมชาติ  มีการใช้ดนตรีในการประกอบพิธีกรรม และมีการศึกษาที่ดี จากเมื่อก่อนทำการประมงเป็นหลัก และใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอน และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวและมาเรียนพิเศษอย่างมาก โดยเฉพาะคนเกาหลีและญี่ปุ่นเพราะเวลาในการเดินทางไม่ไกลมากนัก

สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
   พัฒนาภาษาอังกฤษของตนเองให้ดีที่สุด  อีกทั้งจะต้องพัฒนาภาษาอื่นๆด้วย
ข้อคิดที่ได้
    ถึงแม้จะเป็นประเทศเล็กๆแต่ถ้าเต็มไปด้วยคุณภาพก็สามารถพัฒนาไปได้

9. เวียดนามเปิด เศรษฐกิจเกิด
    เวียดนามเป็นประเทศที่มีทรัพยากรมากประเทศหนึ่งและไม่ค่อยจะมีเทคโนโลยี แต่ปัจจุบันได้ปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องประกอบกับสภาวะการเมืองที่มั่นคง ส่งผลให้เศรษฐกิจเวียดนามขยายอย่างรวดเร็วมีการเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจที่ใช้กลไกตลาด การขยายตัวภาคอุตสาหกรรมสูงขึ้นและมีศักยภาพส่งออกด้านน้ำมัน
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
   เปลี่ยนมุมมองใหม่ แล้วจะเห็นสิ่งต่างๆมากขึ้น
ข้อคิดที่ได้
    การมีทรัพยากรมากเป็นข้อได้เปรียบในการแก้ไขปัญหาของประเทศ


10. จับมือกันพัฒนาทั้งไทย-พม่า ได้ร่วมกัน
      เนื่องจากทั้งสองประเทศนั้นต่างมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งแร่ธาตุ ก๊าซธรรมชาติต่างๆ รวมไปถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม เหมาะแก่การทำธุรกิจ และมีองค์เจดีย์จำนวนมากให้เห็นในปัจจุบัน และมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างหลากหลายในปัจจุบันเพื่อตอบความสนองของนักท่องเที่ยวอย่างทันท่วงที สิ่งที่นิยม คือ ชา กาแฟ
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอ
   การร่วมมือกันทำงานจะทำให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีกว่า
ข้อคิดที่ได้
 การมีทรัพยากรมากเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งในอาเซียน
11. ไทย-กัมพูชา ร่วมมือกัน


    ไทย และกัมพูชามีความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจในหลายมิติ  ASEAN จะเป็นเรื่องการจัดระบบและระเบียบทางการค้าและความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสาธารณสุขในลักษณะเป็นสากล และการเชื่อมเส้นทางคมนาคมมุกดาหาร-สุวรรณาเขต-ดองฮา-ดานัง และเส้นทาง กรุงเทพ –พนมเปญ-โฮจิมินทร์ซิตี้-วังเตา เพื่อความสะดวกของประชาชนทั้งสองประเทศ กัมพูชาใช้ระบบเศรษฐกิจแบบสากล ทำให้คนนอกมีความกล้าที่จะเข้ามาในการประกอบธุรกิจ ปัจจุบันมีรายได้หลักจากการเกษตร และมีการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
ควรมีทัศนะที่ดีต่อเพื่อนบ้านของเรา
ข้อคิดที่ได้
  ถ้าหากไทยกับกับกัมพูชาร่วมมือกันจะทำให้มีความก้าวหน้าอย่างยิ่ง

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558

วีดีโอการศึกษาโลก

-คุยกับดำรง: มาตรฐานการศึกษาไทย


คุณภาพประถมศึกษาไทยจัดอยู่ในอันดับที่ 86. ของโลก อันดับที่ 8 ของอาเซียน ซึ่งอันดับที่1 ของอาเซียนคือประเทศสิงคโปร์ เพราะประเทศสิงคโปร์ลงทุนงบประมาณการศึกษามากที่สุด ปัจจุบันปัญหาการศึกษาไทยที่พบคือ
-ข้อสอบไม่เหมาะสมกับระดับวัยของนักเรียน ข้อสอบไม่มีตรรกะ
-การจัดการศึกษาไม่เท่าเทียมกันและไม่ทั่วถึงเช่นในชนบทกับในเมืองมีคุณภาพการศึกษาที่เท่ากัน
-คุณภาพครูยังไม่มากพอ เพราะนักศึกษาครูส่วนใหญ่ไม่ได้ตั้งใจเป็นครูจริงๆ
ดังนั้นการศึกษาปัจจุบันครูจะต้องเปลี่ยนความคิดและต้องสอนให้นอกกรอบความคิดที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ต้องพัฒนาภาษาอังกฤษมากกว่าเดิม

-ระบบการศึกษาในสิงคโปร์


การศึกษาของสิงคโปร์
ประถมศึกษาปีที่ 1-4 เน้นภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาทมิฬ คณิตศาสตร์และวิชาอื่นๆ
ประถมศึกษาปีที่ 5-6  แบ่งเป็น 3  ระดับ โดยมีการจัดระดับในชั้นป.4 โดยวิธีการสอบ ว่าจะต้องเรียนในชั้นใดเมื่อชั้นมัธยม
มัธยมศึกษา แบ่งเป็น 2. ระบบ คือ เรียน 4 ปี หรือ 5 ปี หากเรียนดีจะได้เรียนเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย 2-3 ปี หรือสามารถเลือกเรียนสายอาชีพได้
นักเรียนที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะต้องมีความเก่งในภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยสอนภาษาอังกฤษ จึงทำให้มีชาวต่างชาติเข้ามาเรียนมาก บวกกับค่าเล่าเรียนที่ถูกแค่มีค่าครองชีพที่แพง คณาจารย์ระดับโลกมีผลงานวิจัยระดับโลก

-การศึกษาในเวียดนาม


การศึกษาในเวียดนาม เน้นภาษาต่างประเทศหลายภาษา คือ ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศสและญี่ปุ่น การเรียนเป็นแบบบูรณาการโดยครูและนักเรียน ร่วมกันกำหนดรูปแบบการเรียนการสอน ทำให้นักเรียนมีความสนุกในการเรียนถึงแม้ว่าใน 1  วัน เด็กเวียดนามจะต้องเรียนตั้งแต่ 7.30-17.00  น. เป็นเวลา9 ชม.
การศึกษามีการวัดผลและประเมินผลกับระดับโลก ครูมีการอบรมเพื่อให้มีมาตรฐานเทียบเท่ามาตรฐานโลก ส่วนเนื้อหาของ ASEAN นั้นบรรจุอยู่ในวิชาภาษาต่างประเทศทำให้น่าสนใจยิ่งขึ้น

-Lao Education in ASEAN การศึกษาลาวในอาเซียน



การศึกษาของลาว เป็นระบบ 5:3:4. คือประถมป.1- ป.5 มัธยมต้น ม.1-ม.3 มัธยมปลาย ม.1-ม.7 ซึ่ง ม.7 เพิ่งถูกเพิ่มมาเพื่อให้ระดัลการศึกษาให้ทัดเทียมกับชาติอาเซียนอื่นๆ คนลาวจะไม่นิยมเรียนพิเศษเพราะคนลาวมีความคิดว่าเด็กๆเรียนในห้องเรียนก็พอแล้ว
เด็กลาวไม่ค่อยนิยมเรียนมหาวิทยาลัย เพราะไม่ค่อยมีรายได้ จึงทำให้มีเด็กลาวที่เรียนมหาวิทยาลัย คิดเป็น 13.4%

-ปฏิรูปการศึกษามาเลเซียสู่การเป็นผู้นำภูมิภาค



การศึกษามาเลเซียนั้น รัฐบาลได้นำแนวคิดแบบอิสลามมาบูรณาการกับวิชาของชาติตะวันตก โดยสร้างสมดุลและปรับใช้อย่างเหมาะสม ภายใต้แผนพัฒนา 2020 โดยการสร้างเมืองแห่งการศึกษา 2 เมือง คือ กัลลาลัมเปอร์และอิสกันดา  โดยมุ่งให้นักศึกษาเรียนเกี่ยวกับวิชาสเต็ม คือ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี คณิตศาสตร์และวิศวกรรม คิดเป็นสัดส่วน 60 % วิชาอื่นๆ 40 % โดยมีแนวคิดว่าวิชา สเต็มนั้นจะทำให้นักศึกษาของเขาสามารถ คิดวิเคราะห์โดยหลักการและเหตุผล อีกทั้งต่อไปเทคโนโลยีมีความสำคัญอย่างยิ่ง

ปฏิรูปการศึกษาอินโดนีเซีย Mental & Revolution 


Mental & Revolution คือการปฏิวัติความคิดด้านการศึกษา โดยการเปลี่ยนวิธีคิดของคนอินโดนีเซียเสียใหม่ในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา ฬห้มีมุมมองและทัศนคติที่ดีกว่าเดิม ปัจจุบันการศึกษาของอินโดนีเซีย เป็นนการสร้างบทเรียน  เน้นความเป็นตัวตนในสังคม สัดส่วน 80% และวิชาวิทยาสาสตร์ 20%

-One World 30 03 55 โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษในฟิลิปปินส์

 

เนื่องจากฟิลิปปินส์ เคยตกเป็นอาณานิคมของสหรัฐอเมริกา ภาษาอังกฤษของฟิลิปปินส์ค่อนข้างดี  จนในปัจจุบันนี้มีชาวต่างชาติ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น เข้ามาเรียนภาาาอังกฤษในฟิลิปปินส์เป็นจำนวนมาก ทำให้ฟิลิปปินส์มีรายได้จากการสร้างงาน และการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย